วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทำไมต้องต่อสายดิน (Ground System)



             ในปัจจุบันไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตประจำวันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าในที่ทำงานหรือการพักผ่อนอยู่กับบ้าน ซึ่งในแต่ละกิจกรรมล้วนต้องใช้ไฟฟ้าผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น  จะเห็นว่าพลังงานไฟฟ้ามีประโยชน์มากมาย แต่ในทางกลับกันก็แฝงไปด้วยโทษหรืออันตรายมากเช่นกันหากใช้ไม่ถูกต้อง  ดังนั้นการใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้องถูกวิธีและคำนึงถึงความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ 
              การต่อสายดิน (Ground) เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย    (ไฟไม่ดูด)  สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการต่อสายดิน ผมจะขอกล่าวพอเป็นสังเขปง่ายๆ ดังนี้ครับ
  1. ความหมายของสายดิน  สายดิน หมายถึง สายไฟฟ้าที่ปลายด้านหนึ่งต่ออยู่กับขั้วดินของระบบไฟฟ้า (Ground) หรือต่ออยู่กับบริเวณโครงหรือตัวถังของเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนปลายสายไฟอีกด้านที่เหลือ จะต่ออยู่กับหลักดินหรือต่อลงดิน (มาตรฐานของสายไฟที่ใช้ทำสายดินจะเป็นสีเขียวคาดเหลือง)
  2. หลักดิน คือแท่งเหล็กเคลือบทองแดงที่มีขนาดตั้งแต่ 60 - 180 เซนติเมตร(อาจจะเรียกว่า "แท่ง กราวด์รอด) ซึ่งใช้สำหรับปักลงไปในดิน โดยที่ปลายด้านหนึ่งของหลักดินจะมีขั้วไว้สำหรับต่อกับสายไฟฟ้าหรือสายดินนั่นเอง
  3. วิธีการต่อสายดิน สามารถทำได้ 2 แบบ คือ
             3.1 การต่อสายดินที่ระบบไฟฟ้า
             3.2 การต่อสายดินที่เครื่องใช้ไฟฟ้า
 วิธีการต่อสายดินทั้ง 2 แบบ สามารถอธิบายได้ ดังนี้
  • การต่อสายดินที่ระบบไฟฟ้า   เป็นการต่อสายดินทั้งระบบภายในบ้านหรืออาคารตั้งแต่เริ่มติดตั้งระบบไฟฟ้า หากสังเกตจะพบว่าเป็นการต่อสายดินที่ขั้วกราวด์ตรงกลางของเต้ารับ (เต้ารับหรือปลั๊กที่มีขั้วกราวด์จะมี 3 รู และขั้วกราวด์จะเป็นรูตรงกลาง) ในทุกจุดของอาคาร มารวมกันหมดที่แผงหรือตู้ควบคุมไฟฟ้าและมีสายต่อลงหลักดินที่จุดนี้เพียงจุดเดียว
  • การต่อสายดินที่เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นการต่อสายดินเฉพาะจุดที่ต้องการ เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เตาไมโครเวฟ เป็นต้น การต่อจะนำปลายด้านหนึ่งของสายไฟฟ้าต่อเข้ากับโครงหรือตัวถังที่เป็นโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า (อาจจะต่อที่สกรูยึดโครงตัวถัง) และปลายด้นหนึ่งต่อกับหลักดิน


   4. ประโยชน์ของการต่อสายดิน สายดินจะทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ได้รับอันตรายจากไฟรั่ว เมื่อสัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งไฟรั่วเกิดจากการผิดปกติของระบบไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยปกติเมื่อเกิดไฟรั่วกระแสไฟจะไหลลงสู่ดินที่หลักดิน ซึ่งหากไม่มีการต่อสายดินกระแสไฟก็จะไหลผ่านร่างกายลงสู่ดินและเกิดอาการที่เรียกว่า "ไฟฟ้าดูด" เป็นอันตรายต่อชีวิต

            จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่า การต่อสายดิน เป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม แม้บางคนจะคิดว่าการไม่ต่อสายดินเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยังทำงานได้เป็นปกติ  ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ผิด แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาก็จะทำให้เสียใจในภายหลังและไม่สามารถเรียกคืนการสูญเสียนั้นกลับมาได้  ดังนั้นผู้อ่านท่านใดที่ต้องการจะต่อสายดินในบ้านเพื่อความปลอดภัยแก่บุคคลอันเป็นที่รัก ก็ให้รีบดำเนินการ หากไม่มั่นใจที่จะติดตั้งเองให้ติดต่อช่างไฟฟ้ามาดำเนินการให้  ดังคำกล่าวที่ว่า "ปลอดภัยไว้ก่อน"   นั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น้อมรับข้อคิดเห็นครับ