คลังบทความของบล็อก

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความไร้น้ำยาของแผน ในฐานะเครื่องมือพัฒนาองค์กร



* มานะ  วินทะไชย
การจัดทำแผนว่าสำคัญ แต่การนำแผนไปสู่การปฏิบัติก็สำคัญไม่แพ้กัน
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี                                                                                              การสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำการเปลี่ยนแปลง 16 สิงหาคม 2546 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

การวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) นับเป็นเครื่องมือในการกำหนดยุทธศาสตร์ ที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการบริหารองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน จนคำว่า “Vision”  “Mission” “Strategic Issue” และ “SWOT Analysis” กลายเป็นคำที่ติดปากกันในหมู่ผู้บริหาร หลายองค์กรได้ลงทุน  ทั้งงบประมาณ เวลา  กำลังคน กำลังความคิด ในการจัดวางแผนกลยุทธ์เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การมีแผนกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างงดงามก็มิได้เป็นหลักประกันว่าองค์กรนั้น จะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ หากองค์กรนั้นไม่สามารถนำกลยุทธ์ที่วางไว้ไปปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมและบ่อยครั้งที่พบว่าแผนกลยุทธ์ที่ถูกกำหนดมาอย่างดีต้องประสบกับความล้มเหลว เพราะองค์กรไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนพัฒนาส่วนต่างๆของตัวเองเพื่อที่จะนำกลยุทธ์นั้นไปปฏิบัติให้เกิดผลได้  ซึ่งนอกจากจะทำให้แผนกลยุทธ์ที่ได้ลงทุนลงแรง ต้องสูญเปล่าแล้วยังทำให้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของคนในองค์กรที่มีต่อแผนกลยุทธ์ต้องเสื่อมลงไปด้วย (ปัณรส,ม.ป.ป.)
ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จากมหาดไทยสู่ยุติธรรม กรมราชทัณฑ์มีการจัดทำแผนกลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย
1. แผนทิศทางกรมราชทัณฑ์ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2536-2545
2. แผนทิศทางกรมราชทัณฑ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2546-2550 เปิดเรือนจำสู่สังคม
3. แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการกรมราชทัณฑ์ 5 ปี พ.ศ.2547-2551
4. แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี (พ.ศ.2548-2551/2551-2554/2552-2555) ตามนโยบายรัฐบาล
แต่เมื่อพิจารณาจากการบรรลุเป้าหมายสูงสุด/เป้าหมายหลักที่กำหนดไว้ เมื่อสิ้นสุดการ
ดำเนินงานตามแผนแต่ละฉบับ โดยการอนุมานจากความเปลี่ยนแปลง  เหตุที่ต้องใช้วิธีการนี้ เนื่องจากขาดการวัดผลการดำเนินงานตามแผนอย่างเป็นระบบ  จึงไม่มีฐานข้อมูลที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าการดำเนินการตามแผน จะนำไปสู่วิสัยทัศน์ที่ได้กำหนดไว้ เช่น กรมราชทัณฑ์ เป็นองค์กรชั้นนำของอาเซียนในการควบคุม แก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังและจากความไร้ระบบดังกล่าว ยังสะท้อนหรือสามารถตั้งข้อสงสัยได้ถึงความใส่ใจ หรือ การให้ความสำคัญต่อการนำแผนไปสู่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ       ที่อาจพอใจจะปฏิบัติงานตามปกติ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตามนโยบายรายวัน

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้คิดได้ว่าแผนกลยุทธ์ที่ดีต้องควบคู่กับการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ หรืออีกนัยหนึ่ง การนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และยุ่งยาก ซับซ้อนมากกว่าการวางแผน

          สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้กรมราชทัณฑ์ มักประสบปัญหาการนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผล ประกอบด้วย
          1. เจ้าหน้าที่และหน่วยงานในสังกัด ปฏิบัติงานโดยไม่ได้ยึดแผนกลยุทธ์เป็นหลัก หรือหากจะมีการวางแผนงาน/โครงการและกระบวนการทำงานของหน่วยงาน ก็ไม่ได้มีการออกแบบหรือปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องรองรับกับแผนกลยุทธ์แต่อย่างใด
          2. แผนกับงบประมาณไม่ไปด้วยกันการกำหนดงบประมาณในการดำเนินแผนงาน/โครงการ  ไม่มีความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของแผนกลยุทธ์ โดยมักจะอ้างถึงความเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ (อ้างเพียงชื่อ) แต่ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงไปสู่ระดับแผนงาน/โครงการ  งบประมาณที่ปรากฏในแผน เป็นเพียงการประมาณการ ไม่มีความหมายใดในทางปฏิบัติ ซึ่งหากต้องการทำตามแผน ก็ให้เสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นรายแผนงาน/โครงการ โดยที่ไม่มีหลักประกันใดว่าจะได้รับการพิจารณาหรือไม่ ทั้งที่เป็นแผนงาน/โครงการตามแผนกลยุทธ์หลักของกรม
          3. การประชุมผู้บริหารทุกระดับ ใช้เวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อเดือนในการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามแผนกลยุทธ์ หรือไม่มีเลย หากจะมีก็เพียงการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานตามนโยบายหรือข้อสั่งการของหน่วยเหนือหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
          4. เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจว่า แผนกลยุทธ์หรือ ยุทธศาสตร์ ของหน่วยงานคืออะไร เมื่อไม่เข้าใจในยุทธศาสตร์ก็ย่อมไม่สามารถนำยุทธศาสตร์ภายใต้แผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลอย่างถูกต้องได้ ดังคำกล่าวที่ว่า แผน หากไม่รู้จัก  ไม่เข้าใจ  ไม่นำไปใช้  ก็ไร้ค่า ไร้ความหมาย (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ,2553:1) ส่งผลให้แต่ละหน่วยงานมุ่งเน้นทำงานให้ประสบความสำเร็จตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ขาดการทำงานร่วมกันโดยยึดทิศทางและแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานเป็นหลัก
จากการประเมินสถานการณ์ปัญหาการนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติดังกล่าว ย่อมตระหนัก      ได้ว่าการนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และยุ่งยาก ซับซ้อนใช้เวลา มากกว่าการวางแผนกลยุทธ์อย่างมีคุณภาพ

ข้อเสนอต่อการพัฒนากรมราชทัณฑ์ไปสู่องค์การที่มุ่งเน้นยุทธศาสตร์หรือการนำแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผล ดังนี้
1. หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิกเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากผู้บริหารระดับสูงของกรม ที่ต้องให้เวลา ร่วมประชุมปรึกษาหารือกันอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ เฝ้าระวัง ติดตาม ทวงถามผลการดำเนินงาน มีการทบทวนแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้ตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามแผนไปด้วย เพื่อเป็นการปลุกเร้าให้กรมและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ เป็นหน่วยงานที่มีสัญชาตญาณตระหนักถึงกลยุทธ์ตลอดเวลา ไม่ใช่เห็นแผนเป็นเพียง แบบฝึกหัดทางวิชาการ(ธงชัย,2534:9) ที่ยากต่อการเข้าใจ และใช้ทรัพยากรดำเนินการมาก ดังนั้น จึงชอบที่จะสนใจงานประจำวันต่อวันมากกว่า
2. เจ้าหน้าที่ทุกระดับต้อง ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมร่าง ร่วมจัดทำ นำไปใช้ และร่วมรับผิดชอบผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ ไม่มองว่าภารกิจตามแผนกลยุทธ์เป็นการเพิ่มภาระงาน
3. การนำแผนกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ไปแปลงเป็นแผนงาน/โครงการที่สามารถปฏิบัติให้บังเกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม มีการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงเจ้าหน้าที่ได้รับรู้และเข้าใจร่วมกันต่อการกำหนดเป้าหมายและการวางแผนงาน/โครงการ
          4. ปรับแต่ง สร้างความเชื่อมโยงการปฏิบัติงานของสำนัก/กองต่างๆให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ของแผนกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ไม่ใช่ให้แต่ละหน่วยงานมุ่งเน้นทำงานให้ประสบความสำเร็จตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ขาดการทำงานร่วมกันโดยยึดทิศทางและแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานเป็นหลักโดยสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อน  การพัฒนาขีดสมรรถนะ  การจัดการความรู้และระบบจูงใจของเจ้าหน้าที่ให้สอดรับกับแผนงาน/โครงการ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแผนงาน/โครงการและกิจกรรมของทุกสำนัก/กองจะรองรับต่อเป้าหมายรวมของแผนกลยุทธ์
          5. การสร้างแรงจูงใจ ความเชื่อมั่นและศรัทธาให้เจ้าหน้าที่มีความรับผิดชอบในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการและแผนกลยุทธ์ รวมทั้งการกำหนดระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ
          6. ปรับปรุงระบบการวัดผลการดำเนินงาน โดยผู้บริหารทุกระดับ ต้องมีส่วนร่วมในการกำกับ เร่งรัด ติดตามผลการดำเนินงานอย่างจริงจัง อาจเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อให้ทราบถึงปัญหา และอุปสรรคการดำเนินงานตามแผน เพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันการจัดทำแผนกลยุทธ์มีการกำหนดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย งบประมาณดำเนินการและหน่วยงานรับผิดชอบ (เจ้าภาพ) อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบในทุกแผนกลยุทธ์ที่กรมราชทัณฑ์ เคยจัดทำมา  ส่งผลถึงข้อมูลย้อนกลับจากการดำเนินการตามแผน ที่ควรระบุถึงปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานตามแผนที่ชัดเจน ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนเพื่อแก้ไขปัญหาเดิมและพัฒนางานใหม่ไม่สมบูรณ์  ไม่รู้ความหนักเบาของปัญหา  ไม่สามารถประเมินความจำเป็นเร่งด่วนของปัญหาที่จะต้องแก้ไขได้ ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการจัดทำ
 แผนฉบับใหม่ ก็จะเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ หรือแผนงาน/โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาเดิมๆ วนเวียน ซ้ำรอยมาตั้งแต่แผนกลยุทธ์ฉบับแรกของกรม เมื่อครั้งสังกัดกระทรวงมหาดไทย (แผนทิศทางฉบับที่ 1 พ.ศ.2536-2545) เช่น การยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง  การนำภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข พัฒนาผู้ต้องขัง  การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารงานเรือนจำ และการปรับปรุงระบบการจัดการข้อมูล เป็นต้น


จากการวิจัยพบว่า แผนฉบับหนึ่ง หน่วยงานหรือองค์กรของประเทศญี่ปุ่น นำแผนไปสู่การปฏิบัติร้อยละ 70 ไม่ปฏิบัติตามแผน ร้อยละ 30 ในขณะที่ประเทศไทย นำแผนไปสู่การปฏิบัติ ร้อยละ 20 ไม่ปฏิบัติตามแผน  ร้อยละ 80

วัฒนา พัฒนพงศ์ :สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
โครงการอบรมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการบริหารยุทธศาสตร์กระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2551

 
          ที่ผ่านมา องค์กรมีปัญหา ต้องการพัฒนา แก้ไขได้ด้วยแผน แต่ปัญหายังอยู่  การพัฒนาไม่ก้าวหน้า  ปัญหาอยู่ที่แผน หรืออยู่ที่การนำไปปฏิบัติ ?
 ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมักแก้ไขกันด้วยการออกกฎหมาย มีสภาพบังคับ มีบทลงโทษ กระนั้นก็ยังมีการฝ่าฝืนและละเมิดบ่อยครั้ง ปัญหาสังคมยังไม่คลี่คลาย แล้วปัญหาอยู่ที่กฎหมายหรือการบังคับใช้ ?
 สภาพการณ์ทางการเมืองการปกครองมีปัญหา แก้ไขด้วยการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ เสมือนยุทธศาสตร์ชาติที่ระบุวิธีการบริหารจัดการตั้งแต่องค์กรระดับท้องถิ่น ไปจนถึงองค์กรระดับชาติ ไว้ในสิ่งสูงสุดอันศักดิ์สิทธิ์ ทางการเมืองการปกครองอย่างรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาของประเทศยังคงอยู่และขยายวงกว้างขึ้น แล้วปัญหามันอยู่ที่บทบัญญัติสูงสุด หรือการบังคับใช้ ?  แม้กระทั่งสิ่งสูงสุดถูก ฉีกทิ้ง ทำลาย เราก็ยังวางเฉย เป็นปกติ
จะเห็นได้ว่า ระบบและแนวทางปฏิบัติต่างๆ ล้วนแต่ได้ถูกกำหนดขึ้นมารองรับไว้หมดแล้ว ในการแก้ไขปัญหา การบริหารและพัฒนา ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล องค์กร หน่วยงาน จนถึงระดับประเทศ  ใช่หรือไม่ว่าปัญหามันอยู่ที่การขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อประโยชน์ส่วนรวม
เขียนไปก็วนกลับมาที่เดิม ทั้งหลายทั้งปวงนั้น หลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้กำหนดไว้หมดแล้ว  สำคัญที่สุด ก็คือว่า จะทำหรือไม่ทำ ก็เท่านั้น

เอกสารอ้างอิง

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  กระทรวงยุติธรรม.2553.คู่มือการดำเนินงานแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
              ฉบับที่ 2
ธงชัย  สันติวงษ์.2534.การวางแผน.สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพาณิช.กรุงเทพมหานคร
ปัณรส มาลากุล ณ  อยุธยา.เอกสารบรรยายการพัฒนาองค์กรเพื่อนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น้อมรับข้อคิดเห็นครับ