คลังบทความของบล็อก

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การทำดี

"เราทำประโยชน์แก่ใคร  เราอย่าไปจำ  ให้เขาจำ

แต่ทำให้ใครเดือดร้อน  เราต้องจำ  เพื่อว่ามีโอกาสเมื่อใดจะได้ขอโทษเขา

ใครทำให้เราโกรธ  เราโกรธได้  แต่อย่าเกลียดเขา  เพราะเขาจะเกลียดตอบ 

ลงท้ายจะเป็นศัตรูกัน ตลอดชีวิต"

พ.ต.อ.ประมาณ  อดิเรกสาร

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความเครียด คืออะไร

            ความเครียด เป็นเรื่องราวของร่างกายและจิตใจที่เกิดการตื่นตัวเตรียมรับกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าพอใจเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินกำลังทรัพยากรที่เรามีอยู่ หรือเกินความสามารถของเราที่จะแก้ไขได้ทำให้รู้สึกหนักใจเป็นทุกข์ และพลอยทำให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกายและพฤติกรรมตามไปด้วย

            ความเครียดนั้นเป็นเรื่องที่มีกันทุกคน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา การคิด หรือการประเมินสถานการณ์ของแต่ละคน ถ้าเราคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ร้ายแรง เราก็จะรู้สึกเครียดน้อย หรือแม้เราจะรู้สึกว่าปัญหานั้นร้ายแรงแต่เราพอจะรับมือไหว เราก็จะไม่เครียดมาก แต่ถ้าเรามองว่าปัญหานั้นใหญ่ แก้ไม่ไหวและไม่มีใครช่วยเราได้ เราก็จะเครียดมาก

            ความเครียดในระดับพอดีๆ จะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลังมีความกระตือรือร้นในการต่อสู้ชีวิต ช่วยผลักดันให้เราเอาชนะปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ได้ดีขึ้น

            แต่เมื่อใดมีความเครียดมีมากเกินไปจนเราควบคุมไม่ได้ เมื่อนั้นเราก็จะต้องผ่อนครายความเครียดกัน

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รัฐบาลและการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 54

           หากประชาชนพร้อมใจกันไม่สนับสนุนรัฐบาล รัฐบาลก็ไม่สามารถจะเป็นรัฐบาลอยู่ได้  เพราะฉะนั้น ประชาชนทุกคนจะต้องตระหนักว่า เขามีส่วนรับผิดชอบด้วยในการกระทำทุกอย่างของรัฐบาล ตราบใดที่การกระทำของรัฐบาลเป็นไปในทำนองในที่ชอบที่ควร  ตราบนั้นประชาชนก็ควรจะสนับสนุนรัฐบาล  แต่เมื่อใดที่รัฐบาลประพฤติปฏิบัติในทำนองที่เสียหายแก่ประชาชนและประเทศชาติ เมื่อนั้นก็เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องยุติการสนับสนุนรัฐบาล

วาทะคานธี

           "การแต่งงานเป็นเรื่องที่สองฝ่าย คือชายกับหญิงมีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน คู่สมรสใดที่มีความสำนึกว่าจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ต่อเมื่อปรารถนาจะได้ผู้สืบพันธุ์  คู่สมรสนั้นน่าจะได้รับการยกย่องว่าเป็น พรหมจารีที่แท้จริง"

           "หากเรามีความเข้าใจกันถูกต้องโดยทั่วไปว่า การหลั่งน้ำกามของผู้ชายเป็นไปเพื่อให้เกิดผู้สืบพันธ์หรือทายาทเท่านั้น หาใช้เพื่อความสนุกสนานไม่  เราก็จะยับยั้งได้จากการแสวงหาความสนุกทางกามารมย์ ซึ่งเป็นเรื่องของเดรัจฉาน"

           "ผู้ที่รู้จักใช้มือ  เท้า  นัยน์ตา และจมูก ของตน ให้มีงานทำ และให้อยู่ในสภาพถูกสุขลักษณะ และสามารถควบคุมความอยากกระหาย เยี่ยงเดรัจฉานของตนได้โดยไม่ประมาท"

           "รัฐไม่มีวันที่จะแยกตนเองออกมาจากการใช้กำลังได้ เพราะรัฐมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้กำลัง"

           "กฎของคนส่วนใหญ่ หรือเสียงข้างมากจะนำมาใช้เกี่ยวกับเรื่องมโนธรรมไม่ได้"

           "เราควรจะหางานให้นักศึกษาที่ขัดสนทำ  ดีกว่าที่จะให้ทุนเขาเรียน"

"ธรรมชาติมีเพียงพอกับมนุษย์ทุกคน  แต่จะไม่พอเลยถ้าบริโภคด้วยความโลภ"

หลับ

ขึ้นรถโดยสาร           มันคลานโคลงเคลง
คำรามคร่ำเคร่ง        ครวญครางครืนครืน
เหงื่อไครคร่ำเครียด  โหย่งเหยียดตีนยืน
หลับหลับตื่นตื่น        บวกฟื้นสลับซอง

           ท้องแก่แย่เปรียบ        ท้องเรียบนั่งจอง
           คนแก่เหลือบมอง       คนหนุ่มแกล้งเมิน
           เสียงตะโกนเดินหน้า   เสียงด่าหลังเดิน
           คนนั่งแกล้งฟุบ           คนยืนโยนย้าย

คนจะลงป้ายหน้า     รถบ้าไม่ยอมจอด
อ้ายจ๊อดคุยจ้อ         อ้ายจ๋อคุยฟ้ง
ไอ้จ๊อดอ้ายจุ๋ง          ถองพุงไอ้จ๋อ

           ฝนก็อึมครึม           ฟ้าครึ้มครืนครืน
           อากาศอืนอืน         คนจะยืนป้ายหน้า
           เหลือง ๆ ปลิวมา   พระนี่หว่า...เฮ้ยหลับ

การปฏิบัติตนของคนเกษียณ

พบมิตร :                    เพื่อร่วมคิด ชวนคุย สนทนา เฮฮา พาสบายใจไม่เหงา
คิดงาน :                    การใดที่ตั้งใจทำ ทำทันที ถ้ามีใจรัก สนุกนักพักผ่อนใจ ไม่วุ่นวาย คลายกังวล
บริหารเงิน :               อย่าเพลินเพราะเงินมี งดมีหนี้จะดีกว่า ถือคติว่าพอกิน พอใช้
เดินทางทัศนาจร :   พักผ่อนสมอง มองโลกกว้าง ท่องเที่ยวต่างเมือง ประเทืองใจ ทำให้สดใสยิ่งขึ้น
อาหารสังคม :           มินั่งงมอยู่ในบ้าน หาโอกาสร่วมงานทั่วไป รับใช้สังคมตามกำลัง ตั้งใจชอบมอบ
                                   ประโยชน์คืนสังคม
นิยมออกกำลัง :        ถ้าหวังจะให้สุขภาพดี มีกำลังวังชา หาโอกาสออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย
                                    คลายปมเลือดลมดี กระปรี้กระเปล่า
ตั้งใจฝึกจิต :             พินิจคำนี้ "จิตที่สดใส อยู่ในกายที่สมบูรณ์" ควรเพิ่มพูนเติมแต่งด้วยข้อธรรม 
                                    นำมาฝึกปฏิบัติ จัดปรุงแต่งใจให้ สะอาด สว่าง สงบ
คิดกำหนดอาหาร :   รสหวาน มัน เค็มจัด ตัดใจอย่าไหลหลง เจาะจงกินเพื่ออยู่ รู้คุณค่าอาหาร รู้
                                   ปริมาณบริโภค

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความจริงของชีวิต

           อันต้นโพธิ์     ต้นไทร     ตอนใบมาก
ให้อากาศ                  ร่มเย็น      เป็นสาขา
พอหมดใบ                แล้วไซร้   ไม่มีมา
ทั้งนกกา                   พากันหนี   ไม่มีเลย 

           เหมือนดั่งคน     มีอำนาจ     มากด้วยยศ
มีพร้อมหมด                 บ่าวไพร่      สหายเผย
พอหมดบุญ                  วาสนา        เหมือนดั่งเคย
พากันเลย                     มิตรสหาย   ไปจากกัน

วิธีป้องกันตัวจากฟ้าผ่า

         

           1. ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง (ควรปิดเครื่อง)
           2. เข้าไปอยู่ในรถ
           3. เมื่ออยู่ในบ้าน ควรปิดสวิทต์ ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกให้หมด
           4. อย่าหลบอยู่ใต้ต้นไม้สูง และให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า เสาธง หรือของสูงที่ไม่มีสายล่อฟ้า
           5. ไม่ควรเล่นกีฬาในที่โล่งแจ้ง เช่นฟุตบอล กอล์ฟ ขณะฝนตก
           6. ใส่เสื้อกันฝนปลอดภัยกว่ากางร่ม
           7. ถ้าอยู่เป็นกลุ่มให้ยืนห่างกัน 2 - 3 เมตร
           8. ใส่รองเท้ายาง ไม่ช่วยป้องกันฟ้าผ่าได้
           9. ถ้าต้องอยู่กลางที่โล่งแจ้งขณะเกิดฝนตก ให้หลบอยู่ในที่ที่ไม่มีนำท่วมขัง และอยู่ต่ำกว่าสิ่งอื่น ย่อตัวลงให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันทั้งสองข้าง และพยายามลดพื้นที่สัมผัสระหว่างร่างกายกับพื้นดินให้มากที่สุด
           10. อย่านอนราบกับพื้น
           11. สามารถช่วยเหลือคนถูกฟ้าผ่าได้ทันที เนื่องจากกระแสไฟได้ไหลผ่านตัวเขาไปแล้ว โดยให้ตรวจสอบการหายใจและหัวใจ และช่วยผายปอดและนวดหัวใจ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รางจืด ขับพิษยาฆ่าแมลง

            เกษตรกรในประเทศไทย 14.5 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากการสุ่มตรวจตัวอย่างผัก ผลไม้ ของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปี 2552 พบมีสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างร้อยละ 28 จึงต้องเร่งดูแลสุขภาพกลุ่มเกษตรกร

            รางจืด เป็นสมุนไพร ที่นำมาใช้ดูแลรักษาเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับสารพิษจากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟส ซึ่งมีพิษเฉียบพลันและเรื้อรังและมีผลต่อระบบประสาท ทำให้คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย มึนงง ชัก หมดสติ อาจเสียชีวิต  เกษตรกรที่ตรวจพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรใช้ชาชงรางจืด ชงดื่มวันละ 6 กรัม 4 - 5 แก้วต่อวัน เพื่อขับสารพิษออกจากร่างกาย จากผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟส ได้ผลดี และพิษจากสารพิษของแมงดาทะเล ซึ่งพบว่าสามารถถอนพิษผู้ป่วยระยะวิกฤติ ระดับ 4 ได้ หลังได้รับสารสกัดสมุนไพรรางจืด 40 นาที

            ตำรายาไทย ให้นำใบสดรางจืดที่ไม่อ่อนไม่แก่เกินไป 10 - 12 ใบ โขลกให้แหลกผสมน้ำเปล่า หรือน้ำซาวข้าว คั้นน้ำดื่ม หรือทำเป็นชาใบรางจืด โดยนำมาหั่นฝอยตากแดดให้แห้ง ชงน้ำร้อนดื่มแทนน้ำ วันละ 4 -5 แก้ว สามารถแก้ไข้ ถอนพิษยาฆ่าแมลงและช่วยขับหรือล้างสารพิษในตับ

พุทธดำรัส

อันใดเดือดร้อนเขา      สบายเรา          อย่าทำ
อันใดเดือดร้อนเรา       สบายเขา         อย่าทำ
อันใดเดือดร้อนเขา      เดือดร้อนเรา    ก็อย่าทำ
อันใดไม่เดือดร้อนเขา  ไม่เดือดร้อนเรา  จงคิด  จงพูด และกระทำเถิด

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การสังเกตลักษณะคนร้าย ทำอย่างไร

           1. จดจำลักษณะใหญ่ เห็นง่าย
           2. จดจำลักษณะเด่น  ตำหนิ
           3. เลือกจดจำลักษณะเพียงบางอย่างที่สามารถจำได้อย่างแม่นยำ
           4. เมื่อคนร้ายหลบหนีไป รีบจดบันทึกทันทีตามที่เห็นจริง
           5. มอบรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง

การสังเกตจดจำตำหนิรูปพรรณบุคคล
           1. ลักษณะทางกายภาพ
                      - เพศ  (ชาย หญิง กระเทย)
                      - วัย    (เด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือประมาณอายุว่าเท่าไหร่)
                      - รูปร่าง  (อ้วน ผอม สูง เตี้ย สันทัด ร่างกายกำยำ หรือผอมแห้ง)
                      - สีผิว  (ขาว เหลือง คล้ำ ซีด เหี่ยวย่น ฯ)
                      - เชื้อชาติ  (ดูจากใบหน้า ไทย จีน แขก ฝรั่ง ลูกครึ่ง ฯ)
                      - รูปหน้า  (รูปไข่ กลม สี่เหลี่ยม ฯ)
                      - ผม  (ดำ สั้น หยิก ยาว สีผมสีอะไร ลักษณะผมทรงอะไร)
                      - ปาก  (หนา บาง กว้าง แคบ ใหญ่)
                      - หู  (หูกาง ใหญ่ เล็ก ฯ)
                      - ตา (ตาสองชั้น เล็ก โต โปน สวมแว่นสายตา แว่นกันแดด)
            2. ลักษณะเด่น ตำหนิที่จดจำง่าย
                      - แผลเป็น  (ไฝ ปาน หูด ลักษณะอย่างไร อยู่ส่วนไหนของร่างกาย)
                      - ลายสัก  (รูปอะไร ขนาด สี อยู่ส่วนไหนของร่างกาย)
                      - ความพิการ  (ตาบอด หูหนวก แขนด้วน)
                      - ท่าเดิน
                      - สำเนียงการพูด  (กลาง ใต้ อีสาน เหน่อ ฝรั่ง จีน พูดเร็ว - ช้า ฯ)
                      - การกระทำบ่อย ๆ  (การสูบบุหรี่จัด เวลาพูดชอบเอามือล้วงกระเป๋า ชอบแคะ แกะ เกา ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย)
                      - การแต่งกาย  (เสื้อ กางเกง แขน ขายาว หรือสั้น แบบของชุด เช่น เสื้อยืด ยีนส์ เชิ้ต สีใด ลายบนตัวเสื้อผ้า รองเท้าแบบใด)
                      - เครื่องประดับ (แหวน สร้อย กระเป๋า นาฬิกา แว่นตา ฯ)

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ EM

           EM (Effective Mricroorganisms)

           EM หมายถึง จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ  ซึ่งสามารถแบ่งประโยชน์ออกได้เป็น 4 ด้าน ดังนี้

           1. ด้านการเกษตร
                      1) ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด ด่าง ในดินและน้ำ
                      2) ช่วยแก้ปัญหาจากแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดต่าง ๆ
                      3) ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย  อุ้มน้ำ และให้อากาศผ่านได้อย่างเหมาะสม
                      4) ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ให้เป็นอาหารแก่พืช พืชจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องใช้พลังงานมาก เหมือนการให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
                      5) ช่วยสร้างฮอร์โมนพืช ให้ผลผลิตสูง และคุณภาพดีขึ้น
                      6) ช่วยให้ผลผลิตคงทน สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน มีประโยชน์ต่อการขนส่งไกล ๆ เช่น ส่งออกต่างประเทศ

            2. ด้านปศุสัตว์
                      1) ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากฟาร์มปศุสัตว์ เช่น ไก่ เป็ด และสุกรได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
                      2) ช่วยกำจัดน้ำเสียจากฟาร์มได้ ภายใน 1 - 2 สัปดาห์
                      3) ช่วยป้องกันโรคอหิวาห์ และโรคระบาดต่าง ๆในสัตว์ แทนยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ ได้
                      4) ช่วยกำจัดแมลงวัน ด้วยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวัน ไม่ให้เข้าดักแด้เกิดเป็นตัวแมลงวันได้
                      5) ช่วยส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้แข็งแรง ต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูงและอัตราค่าใช้จ่ายต่ำ
                     
             3. ด้านการประมง
                      1) ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้
                      2) ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อกุ้ง ปลา กบ หรือสัตว์อื่นที่เลี้ยงได้
                      3) ช่วยรักษาแผลและโรคต่าง ๆ ในปลา และสัตว์น้ำอื่น ๆ
                      4) ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ช่วยให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมเป็นปุ๋ยหมักใช้กับพืชต่าง ๆ ได้ดี
             
              4. ด้านสิ่งแวดล้อม
                      1) ช่วยบำบัดน้ำเสียจากวิธีทำการเกษตร การปศุสัตว์ การประมง ดรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน และสถานประกอบการทั่วไป
                      2) ช่วยกำจัดกลิ่นจากกองขยะ การเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ
                      3) ปรับสภาพของเสีย เช่นเศษอาหารจากครัวเรือนให้เป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูก
                      4) กำจัดขยะด้วยการย่อยสลาย ให้มีจำนวนน้อยลงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
                      5) ช่วยปรับสภาพอากาศที่เสียให้สดชื่น และมีสภาพดีขึ้น

ภารกิจหลัก กลุ่มก่อความไม่สงบ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

           กินกาแฟ     แลนกเขา     เผาโรงเรียน 
  
           เวียนยิงป้อม     ล้อมโรงพัก     ดักยิงครู    

           ขุดรูระเบิด     เตลิดเข้าป่า     ด่าราชการ    
  
           ชำนาญปลูกฝัง     เบื้องหลังผลประโยชน์     หาโจทก์คนดี    

           มอบชีวีอุดมการณ์     มีบริวารคอยเตือน     บิดเบือนคำสอน

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นาโน คือ อะไร

           "นาโน" มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก แปลว่า 1 ในล้านส่วน 
1 นาโนเมตร (อักษรย่อว่า น.ม., nm) = 1/1,000,000,000 เมตร (หนึ่งในพันล้านส่วนของเมตร)   1 nm มีขนาดประมาณ 1 ใน 5,000 ส่วนของเส้นผมของคนเรา  หรือเส้นผมมีขนาดประมาณ 50,000 นาโนเมตร  เซลล์แบคทีเรียมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่กี่ร้อยนาโนเมตร  สิ่งเล็กจิ๋วที่สุดที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องมีเครื่องช่วย มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10,000 น.ม.  อะตอมของไฮโดรเจน 10 ตัว รวมกันเท่ากับ 1 นาโนเมตร

            นาโนศาสตร์ (nano science) คือการศึกษาหลักการพื้นฐานของโมเลกุลและโครงสร้างขนาด      1 - 10 nm โครงสร้างเหล่านี้เรียกโดยรวมว่า "โครงสร้างนาโน (nano structures)"

            นาโทคโนโลยี (nano technology) คือการทำให้โครงสร้าง นาโนเหล่านี้กลายเป็นวัสดุ อุปกรณ์นาโนที่มีประโยชน์ใช้สอยได้

            ในระดับนาโน คุณสมบัติพื้นฐานของวัตถุและกลไกต่าง ๆ แตกต่างไปจากที่เราพบเห็นในระดับที่ใหญ่ขึ้นมา  คุณสมบัติพื้นฐานที่สุดของสสารทั้งทางเคมี ไฟฟ้าและฟิสิกส์ เป็นหัวใจสำคัญของศาสตร์แห่งนาโนทุกสาขา
            ปี 2001 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation) ได้ให้คำจำกัดความที่สั้นและกระชับเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพิเศษในระดับนาโน ว่า  ศาสตร์และวิศวกรรมระดับนาโน หมายถึง ความเข้าใจพื้นฐานและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่เป็นผลมาจาก การใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติใหม่ ทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาของระบบที่อยู่กึ่งกลาง ระหว่างอะตอม โมเลกุล กับวัตถุขนาดใหญ่ โดยสามารถควบคุมคุณสมบัติเหล่านั้นได้

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

10 วิธีการใช้เงินให้เป็นประโยชน์

1. วางแผนการใช้เงิน
2. ต้องใช้เงินตามแผนที่วางไว้
3. การใช้เงินในแต่ละครั้งต้องคุมค่ากับความพอใจที่เพิ่มขึ้น
4. เลือกใช้และซื้อสินค้าทดแทน ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับสินค้าราคาแพง
5. ซื้อสินค้าเฉพาะที่จำเป็น
6. เลือกใช้บริการทางการเงินที่มีต้นทุนการให้บริการต่ำ
7. ซื้อสินค้าที่ต้องใช้ประจำและอายุการใช้งานสั้น ครั้งละมาก ๆ
8. เลือกซื้อสินค้ามือสอง ที่มีคุณภาพดีแทนการซื้อของใหม่
9. วางแผนการใช้เงินสำหรับลูกน้อย
10. วางแผนการใช้เงินยามเกษียณ

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก  ศิริรัตน์ ศุกรภาค  บริหารเงินให้รวยอย่างเหลือกินเหลือใช้

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไนท์ ซาฟารี

ตอนกลางคืนทำอะไร ละไอ้สัตว์
สารพัน สารพัด สัตว์หน้าขน
ตอนกลางคืน ทำอะไรล๊ะไอ้คน
สาละวุ่น สาละวน มาทั้งวัน
        
          อยากดู อะไร กันนักหนา
          ตั้งแต่ เห็นมา ก็ฆ่าฉัน
          ตั้งแต่ แรกสบตา ก็ฆ่ากัน
          จนเราสิ้ นเผ่าพันธุ์ ไปหลายพงศ์

ฆ่าและฆ่า พอหายาก ก็อยากดู
น่าอดสู พอใกล้สูญ ก็เริ่มส่ง
คอยจ้องดู เราสืบพันธุ์ สืบว่านวงศ์  
กูละงง พวกงี่เง่า จะเอาไง
          
           กิน ขี้ แล้วปี้นอน ไม่ต่างกัน
           วันทั้งวัน คอยจ้องดู กันอยู่ได้
           แถมกลางคืน ยังมาจ้อง คอยส่องไฟ
           มาเบิ่งตา หาอะไร ในราตรี
เดรัจฉาน ด้อยต่ำ แต่กำเนิด
สัตว์มนุษย์ ล้ำเลิศ ประเสริฐศรี
จะเอาไง พอเถอะ ไนท์ซาฟารี
ค่ำคืนนี้ กูสัตว์ จะสืบพันธุ์

มติชน รายวัน  15 ม.ค. 2549

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

บ้านเรา จำเป็นต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์แล้วหรือยัง

           ความคิดในการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1954 ในสหรัฐอเมริกา โดยการคิดค้นของ แชปปิน (Chapin)  ฟูลเลอร์ (Fuller) และ เพียร์สัน (Pearson) แห่งเบลล์เทโลโฟน (Bell Telephone) ทั้ง 3 ท่านนี้ได้ค้นพบเทคโนโลยีการสร้างรอยต่อ พี - เอ็น (P-N) แบบใหม่ โดยวิธีการแพร่สารเข้าไปในผลึกของซิลิคอนจนเกิดเป็น "เซลล์แสงอาทิตย์" อันแรกของโลก และจากการเล็งเห็นถึงประโยชน์ของพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่มีอยู่มากมายมหาสาร  จึงมีการค้นความวิจัยอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเซลล์แสงอาทิตย์ได้พัฒนาจนมีประสิทธิภาพสูงพอในเชิงพาณิชย์

            เซลล์แสงอาทิตย์ เป็นประดิษฐกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง  วัสดุที่ทำเซลล์แสงอาทิตย์ ได้แก่ สารกึ่งตัวนำ ซึ่งซิลิคอนเป็นวัสดุที่มาทำเซลล์แสงอาทิตย์มากที่สุดในบรรดาสารกึ่งตัวนำทั้งหลาย  โครงสร้างหลักของเซลล์แสงอาทิตย์ ได้แก่หัวต่อ พี-เอ็นของสารกึ่งตัวนำ  เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากซิลิคอนนั้นผลิตขึ้นโดย การนำแว่นผลึกซิลิคอนหนาประมาณ 200-300 ไมครอน มาแพร่ซึมสารเจือปน เพื่อสร้างหัวต่อพี-เอ็น โดยมีความลึกของชั้นแพร่ซึมหรือหัวต่อประมาณ 0.3-0.5 ไมครอน จากนั้นนำหัวต่อพี-เอ็นไปทำผิวสัมผัสทั้งทางด้านหน้ามีลวดลายเป็นรูปนิ้วมือหรือก้างปลา เพื่อให้เหลือพื้นที่รับแสงอาทิตย์มากที่สุด และในขณะเดียวกันสามารถทำหน้าที่รวบรวมกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพด้วย  เซลล์แสงอาทิตย์แต่ละชิ้นจะให้แรงดันไฟฟ้าประมาณ 0.5 โวลท์ ส่วนกระแสไฟฟ้าที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับความสว่างของแสงอาทิตย์ และขนาดของตัวเซลล์แสงอาทิตย์  ซึ่งโดยปกติแล้ว เซลล์แสงอาทิตย์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ได้รับแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน จะให้กระแสประมาณ 2 แอมป์ อายุการใช้งานของเซลล์แสงอาทิตย์จะยาวนานมากกว่า 20 ปี หากออกแบบและใช้งานอย่างถูกต้อง

ส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์มี 4 ส่วนดังนี้คือ
             1. แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Module) ประกอบขึ้นจากเซลล์แสงอาทิตย์หลาย ๆ ชึ้น มาต่อขนานหรืออนุกรม เพื่อให้ได้แรงดันกระแสตามต้องการ
             2. อุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Control Unit หรือ EDU) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมระหว่างแผงเซลล์แสงอาทิตย์ แบตเตอรี่และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (Load) มีหน้าที่ควบคุมการคายและอัดประจุของแบตเตอรี่
             3. แบตเตอรี่ (Battery) เป็นตัวเก็บพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ไว้ใช้เมื่อต้องการ
             4. โครงสร้างรองรับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Structure)

            เมื่อพิจารณาจากส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์  จะสังเกตได้ว่า พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์โดยตรงนั้น  ไม่มีการสันดาบของเครื่องยนต์  จึงไม่ทำให้เกิดมลภาวะต่าง ๆ และส่วนประกอบต่าง ๆ ในระบบไม่มีการเคลื่อนไหว  ทำให้ไม่เกิดการสึกหรอ  ส่งผลให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามาก

การประยุกต์ใช้งานของระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์
            ในอดีตการใช้งานของเซลล์แสงอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับโครงการอวกาศ ดาวเทียม หรือยานอวกาศ ที่ส่งจากพื้นโลกไปโคจรอยู่ในอวกาศ  จะใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าทั้งสิ้น  ในปัจจุบันเซลล์แสงอาทิตย์เริ่มมีแนวโน้มและบทบาทสำคัญอย่างมากในการใช้งานเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าบนพื้นโลก  เพื่อทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ถ่านหินที่ใกล้จะหมดไป และมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างปัจจุบัน  การพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งในกิจกรรมภาครัฐบาลและเอกชน จึงได้นำระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์มาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
              1. ผลิตไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้แสงสว่าง และใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ
              2. ไฟถนน  สัญญาณไฟเตือนภัย
              3. ปั๊มน้ำเพื่อการเกษตร การชลประทาน 
              4. เครื่องมือสื่อสาร และเครื่องตรวจระยะไกล
              5. สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น นาฬิกา เครื่องคิดเลข ฯ

ข้อเปรียบเทียบระหว่าง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลและระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์

1.ประสิทธิภาพ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล :                                     ระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ :
            เป็นเทคโนโลยีเก่าที่มีประสิทธิภาพต่ำ                     เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีการทดลองให้มีประสิทธิภาพ ณ โรงงานผลิต ประมาณ 20-35%       ประสิทธิภาพ ณ ที่ใช้งานสูงกว่า และวัดผลได้แน่
แต่ประสิทธิภาพ ณ ที่ใช้งานได้เพียง 10-20%           นอน เนื่องจาก
ทั้งนี้เพราะสาเหตุ คือ                                                           - มีระบบการทำงานที่ง่ายกว่า
            - ใช้งานที่ขนาดต่ำกว่าที่ออกแบบไว้                       - ไม่ต้องการเชื้อเพลิง
            - ขาดการบำรุงรักษา                                                - มีชิ้นส่วนเสื่อมสภาพน้อยชิ้นกว่า
            - ใช้อะไหล่ที่ไม่เหมาะสม                                        - มีอายุการใช้งานสูงกว่า
            - มีความเสื่อมสภาพของเครื่องจักรกล           
        
 2. ความเชื่อถือได้ของระบบ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล :                                      ระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ :
            มักหยุดทำงานเป็นประจำ เนื่องจากสาเหตุ            ทนทานต่อการใช้งานทุกสภาวะ เนื่องจากดังต่อไปนี้ คือ                                                                        - มีอุปกรณ์ส่วนประกอบน้อยชิ้น และได้  
            - ขาดอะไหล่ในการซ่อมบำรุง                         รับการห่อหุ้ม ทนทานทุกสภาวะอากาศ
            - ขาดน้ำมันเชื้อเพลิง                                             - ไม่ต้องการเชื้อเพลิง
            - คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ                                  - ปริมาณแดดในเมืองไทยมีมากเพียงพอ
            - ขาดช่างผู้ชำนาญในการเดินเครื่องและซ่อม       - ไม่ต้องการการซ่อมบำรุง  

  3. มลภาวะและอันตราย

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล :                                      ระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ :
            สร้างมลภาวะแก่คน สัตว์ สิ่งของ เนื่องจาก              เป็นพลังงานที่สะอาดที่สุด เนื่องจาก
            - มีควันจากการเผาผลาญเชื้อเพลิง                          - ปราศจาก กลิ่น ควัน เสียง และความ 
            - มีเสียงจากการสันดาป                                   ร้อน  
            - มีความร้อน                                                            - ปราศจากอันตรายต่อคน สัตว์ และสิ่ง  
            - มีกลิ่น                                                            ของ
            - มีอันตรายจากส่วนเคลื่อนไหวของเครื่อง     
จักรกล
            - มีการระเบิดจากเชื้อเพลิง
                                                                                                
  4. การลงทุน
            ในขนาดปริมาณการใช้พลังงานระหว่างวันละ 0-25 กิโลวัตต์ ระบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ให้ต้นทุนรวมที่ตำกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล :                                       ระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ :
            - ใช้เงินลงทุนขั้นต้นต่ำ                                             - ใช้เงินลงทุนขั้นต้นสูง
            - เสียค่าเชื้อเพลิงสูง                                                  - ไม่ต้องเสียค่าเชื้อเพลิง  
            - เสียค่าอะไหล่                                                          - ไม่ต้องเสียค่าอะไหล่  
            - เสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเดินเครื่อง        - ค่าบำรุงรักษาต่ำมาก เฉพาะแบตเตอรี

            โดยสรุป จากการพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล และระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในทุก ๆ ด้านจะเห็นว่าระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์เสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนขั้นต้นสูงเท่านั้น แต่รายการอื่น ๆ เป็นข้อได้เปรียบ และให้ประโยชน์อย่างมหาศาลมากกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล และในปัจจุบันที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ และคาดว่าปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีให้ใช้ได้ในโลกนี้ต่อไปอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหันมาสนใจพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยกันทุมเทและพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อพัฒนาเป็นพลังงานทดแทนที่ยั่งยืนต่อไป
               
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์
                                                                               

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

เหตใดมนุษย์จึงมีกลิ่นตัว

           มนุษย์ทุกชนชาติ มีกลิ่นตัวกันทั้งนั้น  กลิ่นตัวเกิดจากการกระทำร่วมกันของเหงื่อกับแบคทีเรียบนผิวหนัง  กลิ่นตัวจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับอาหารการกินด้วย  มีต่อมอยู่ใต้ผิวหนัง อยู่ 2 ชนิด ที่ทำหน้าที่ขับเหงื่อออกมา
          
           ชนิดที่ 1 ต่อมแอคไครน์ (Eccrine gland) มีอยู่ทั่วไปในร่างกาย เหงื่อส่วนใหญ่หลั่งออกมาจากต่อมชนิดนี้ และเป็นเหงื่อที่ประกอบด้วย น้ำ 99 % จึงไม่ทำให้เกิดกลิ่นตัว
           ชนิดที่ 2 ต่อมอะโพไครน์ (Aprocrine gland) พบมากในบริเวณรักแร้ รอบๆ หัวนม และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์  ต่อมชนิดนี้สร้างเหงื่อที่ประกอบด้วยสารอืนทรีย์ ที่ถูกย่อยสลายได้ด้วยแบคที่เรียบนผิวหนัง ทำให้เกิดกลิ่นตัว โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ และอวัยวะสืบพันธุ์  ซึ่งเป็นแหล่งที่แบคทีเรีย เจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากมีเหงื่อออกมาก และไม่สามารถระบายความชื้นออกได้หมด ต่อมอะไพไครน์ จะเริ่มทำงานเมื่อเริ่มวัยรุ่น เป็นหนุ่มเป็นสาว  โดยปกติการอาบน้ำด้วยสบู่ธรรมดา ก็สามารถล้างกลิ่นตัวออกได้

น้ำตาลมีประโยชและโทษต่อร่างกายอย่างไร

           น้ำตาลแพง เราจะหยุดกินน้ำตาลได้มั้ย  นี่คือคำถามในสภาวะเศรษฐกิจที่ สินค้าอุปโภค บริโภค ขึ้นทุกอย่าง  ก่อนที่จะ ตัดสินใจหยุดกินน้ำตาล เรามาดูความสำคัญของน้ำตาลกันก่อน

           มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอาหาร ที่ประกอบด้วย น้ำตาล ไขมัน และโปรตีน  น้ำตาลจึงมีความสำคัญยิ่งโดยเฉพาะ น้ำตาลกลูโคส  ซึ่งน้ำตาลกลูโคสนี้ได้จาก อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต  เมื่อน้ำตาลกลูโคสในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ก็จะกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอโมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "อินซูลิน" อินซูลินนี้จะช่วยพาน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อ หรือเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย  เพื่อนำไปใช้ให้เกิดพลังงานส่วนหนึ่ง  และอีกส่วนหนึ่งนำไปเก็บไว้ที่ตับ และใต้ผิวหนัง โดยเปลี่ยนรูปแบบของน้ำตาลไป  น้ำตาลส่วนนี้จะเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
         
           จะเห็นว่า ฮอร์โมนจากตับอ่อน มีความสำคัญยิ่งต่อร่างกายมนุษย์ เมื่อใดก็ตามที่เกิดภาวะบกพร่องของตับอ่อนในการสร้างฮอร์โมน ทำให้อินซูลินน้อยลง ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดก็จะสูงขึ้น ซึ่งมักมีค่าเกินกว่า 140 มิลกรัมเปอร์เซนต์ ทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูง เกิดโรคที่เรียกว่า "เบาหวาน"   ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการ กระหายน้ำ  ปัสสาวะบ่อย  ผอมลง  เมื่อเกิดแผลก็มักจะหายช้ากว่าปกติ ชาตามมือและเท้า  ความรูสึกทางเพศจะลดลง  และในทางตรงกันข้าม ถ้าหากร่างกายขาดน้ำตาลกลูโคส ซึ่งอาจเนื่องจากร่างกายมีฮอร์โมนอินซูลินมากเกินไป จากการอดอาหารหรือเป็นโรคบางโรค หรือจากยาเสพติด ทำให้น้ำตาลกลูโคสในเลือดน้อย ก็จะเกิดภาวะมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ  ระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำจนแสดงอาการให้เห็นได้ชัดเจนนั้น จะต้องต่ำกว่า 45 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์  อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ เป็นลม  กระวนกระวาย  เหงื่อออก  หิว  ใจสั่น  ปวดศีรษะ  ตาพร่า มัว เป็นต้น  ถ้าหากอาการขาดน้ำตาลนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ  อาการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็จะหายไป และกลับเข้าสู่ร่างกายปกติได้  แต่ถ้าอาการขาดน้ำตาลนั้นนานเกินไป ผู้ป่วยจะมีอาการทางสมอง หมดสติจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ 

           เป็นอย่างไรบ้างครับ ทีนี้เราจะเลิกกินน้ำตาล ได้ไหมครับ ผมคิดว่า เรากินน้ำตาลอย่างเพียงพอ ไม่มากจนเกินไป จะดีกว่า เพราะถ้าหากเป็นโรคเบาหวานขึ้นมา ก็จะรักษาไม่หายไปตลอดชีวิต เราทำได้แค่ประคองเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

การศึกษา (วันครู 2554)

           การเรียนการสอนเพื่อให้ได้ความรู้เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ  จะต้องให้ผู้เรียน "เป็นคนดีหรือประพฤติดีด้วย"  ผมคิดว่าเราสามารถวัดความก้าวหน้าหรือผลของการศึกษา จากความเจริญก้าวหน้าหรือความเสื่อมโทรม ถอยหลัง ของสังคมประเทศนั้น ๆ
          
           ในความเป็นจริง ปัจจุบันนี้ การศึกษาได้ถูกใช้ไปในทางที่ผิด กล่าวคือ ประชาชนมุ่งเอาการศึกษาเป็นเพียงเครื่องมือหาเงิน และหาตำแหน่งหน้าที่การงานเท่านั้น สถานศึกษาก็มองเด็กเป็นลูกค้า เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง สรุปคือ เน้นวัตถุนิยม

           ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษา จะต้องช่วยให้เด็ก มีวัฒนธรรมทางจิตใจและกาย เป็นเป้าหมายที่สำคัญ และให้มีความสามารถในการประกอบวิชาชีพ เป็นเป้าหมายรองลงมา  การศึกษาดีหรือมีความรู้สูง ย่อมหมายถึง ต้องมีความประพฤติสูงด้วย เพราะหากมีการศึกษาสูง แต่ความประพฤติต่ำ ก็เท่ากับไม่มีการศึกษา นั่นเอง 

           การเป็นดุษฎีบัณฑิต หรือด็อกเตอร์ ในเมืองไทยปัจจุบันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ยากมาก หรือเกินเอื้อมถึง  หากแต่ การอยู่ การวางตัวให้เหมาะสมกับองค์ความรู้ ระดับ ดร. นั้นยากกว่า 

คำสอนของคนอินเดียโบราณ

           มนุษย์ควรเรียนรู้จากการดำเนินชีวิต จาก สิงห์โต 1 ประการ  นกกระสา  1 ประการ ไก่ตัวผู้ 4 ประการ  กา 5 ประการ สุนัข 6 ประการ และจากลา 3 ประการ  ดังนี้

           สิงห์โต 1 ประการ
                   - งานไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ตาม เมื่อคนเราต้องการจะทำก็ต้องทำอย่างจริงจัง
           นกกระสา 1 ประการ
                   - รู้จักควบคุมตนเอง รู้จักกาละเทศะและกำลังของตน
           ไก่ 4 ประการ
                   - กล้าเผชิญหน้า
                   - สู้ยิบตา
                   - แบ่งสันปันส่วนระหว่างพวกพ้อง
                   - หากินด้วยการค้ยเขี่ยด้วยตัวเอง
           กา 5 ประการ
                   - หาความสุขทางเพศในที่ลับ
                   - กล้าเสี่ยงตาย
                   - สะสมอาหารและสิ่งของในเวลาอันเหมาะสม
                   - ระแวดระวังตัวอยู่เสมอ
                   - ไม่ไว้วางใจผู้ใด
           สุนัข 6 ประการ
                   - กินมาก
                   - พึงพอใจแม้กับสิ่งเล็กน้อยที่มีอยู่
                   - นอนง่าย
                   - ประสาทไว
                   - จงรักภักดีต่อเจ้านาย
                   - กล้า
           ลา 3 ประการ
                   - แม้จะเหน็ดเหนื่อยก็ยังทำงานหนักเรื่อยไป
                   - ไม่คำนึงถึงความร้อนหนาว
                   - แสดงกิริยาอาการว่าพึงพอใจอยู่เสมอ

ผู้ฉลาดที่ประพฤติปฏิบัติตามคุณสมบัติ ทั้ง 20 ประการ จะมีชัยชนะต่อศัตรูทั้งปวง

นิติภูมิ นวรัตน์  ไทยรัฐ 20 พ.ย. 51

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

อาหารขยะ อาหารแดกด่วน ฟาสต์ฟูด (Fast Food) มีโทษอย่างไร

           เพราะภารกิจ และเศรษฐกิจที่รัดตัว โดยเฉพาะคนในเมืองหรือมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาในการปรุงอาหารน้อยลง  จึงหันมาพึ่งอาหารที่ปรุงง่าย  กินง่าย ที่เรียกว่า ฟาสต์ฟูด หรือผมเรียกว่า "อาหารแดกด่วน" อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์  ฮอทด็อก พิชซ่า ซึ่งปัจจุบันดูเหมือนจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก จนกลายเป็นค่านิยมที่คิดว่าทันสมัย 
           แต่มีข่าวล่าสุดจากองค์การอนามัยโลกว่า Fast Food หรือ Junk Food (อาหารขยะ) มิได้มีคุณค่าทางโภชนาการเท่าที่ควร  เพราะเนื้อที่บดเก็บไว้นาน ๆ จะเสื่อมคุณค่าทางอาหาร  ไขมันก็จะถูกออกซิไดซ์  ซึ่งจะให้โทษมากกว่าประโยชน์  ส่วนไส้กรอกก็มีสารกันบูด และสารปรุงแต่งอื่น ๆ ซึ่งจะให้โทษต่อร่างกาย ถ้าเก็บสะสมไว้มาก ๆ
           การรับประทานอาหารขยะ เป็นประจำ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน เพราะได้รับแต่ไขมัน แป้ง และน้ำตาลเป็นหลัก  ถ้ากินมาก ๆ จะทำให้มีผลต่อสุขภาพร่างกาย  ทำให้ป่วยเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตได้ง่าย

ขอคุณข้อมูลเบื้องต้นจาก   อำนาจ  เจริญศิลป์

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง

           1. น้ำหวานต่าง ๆ ได้แก่ น้ำหวานเข้มข้น  น้ำผลไม้ผสมอาหาร  น้ำอัดลม  เครื่องดื่มน้ำตาล
           2. อาหารที่มีน้ำตาลมาก  เช่น แยม  เยลลี่ ลูกกวาด ช๊อกโกแลต  ผลไม้กวน  ผลไม้แช่อิ่ม  ผลไม้เชื่อม  นมข้นหวาน

ผู้ป่วยเบาหวาน ควรรับประทานอาหารกี่มื้อ

            ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่หลัก คือ เช้า กลางวัน เย็น และรับประทานอาหารเมื่อถึงเวลาไม่ใช่เมื่อหิว (เพราะถ้าหิวจะทำให้รับประทานมาก)   การรับประทานอาหารเพียง 1 ถึง 2 มื้อต่อวันเป็นการเข้าใจผิด จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง  ผู้ป่วยเบาหวานบางรายที่ฉีด อินซูลีน หรือมีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย ๆ อาจจำเป็นจะต้องรับประทานอาหารมากกว่า 3 มื้อ โดยแบ่งมืออาหาร ออกเป็น 4 - 6 มื้อ

ข้อมูลจาก  อำนาจ เจริญศิลป์

รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นเบาหวาน

           เราต้องสำรวจหรือสังเกตุตัวเองว่ามีลักษณะอาการดังนี้หรือเปล่า

           1. มีญาติพี่น้องเป็ฯเบาหวาน (เป็นโรคทางกรรมพันธุ์)
           2. อ่อนเพลียมาก และบ่อย
           3. คันตามผิวหนัง
           4. ปัสสาวะบ่อยและมาก
           5. หิวบ่อย ตลอดเวลา
           6. ตาพร่า  มัว ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย
           7. กระหายน้ำมากกว่าปกติ
           8. เป็นแผล และฝีง่าย และรักษายาก
           9. กินจุ แต่ผอมลง
          10. ปวดเจ็บตามกล้ามเนื้อ  ชา ตามมือและเท้า
           11. หมดความรู้สึกทางเพศ

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

การซื้อโทรศัพท์แบบทัชสกรีนด์ (Touch Screen) ต้องดูอะไรบ้าง

สิ่งที่ต้องดูเมื่อเลือกซื้อมือถือ Touch Screen

           1. ขนาดจอ
                  - หากต้องการดู MV หนัง ควรใช้ขนาด 3 - 3.5 นิ้ว
                  - จอมีขนาดใหญ่จะกินไฟ ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น ควรเลือกเครื่องที่สามารถลดแสงสว่างหน้าจอได้
           2. ความละเอียดของจอ
                  - ความละเอียดยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะทำให้คมชัดมากขึ้น
                  - ปัจจุบัน มือถือ Touch Screen จะมีความละเอียดตั้งแต่ 240 x 400 พิกแซล - 800 x 480 พิกเซล อัตราส่วน 16 : 9 เท่า ในระดับ HD (High Definition)
           3. ชนิดของจอ
                  - มือถือ Touch Screen ทั่วไปจะใช้จอแบบ TFT - LCD ธรรมดา
                  - ถ้าราคา 10,000 บาทขึ้นไป จะใช้หน้าจอที่มีประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน เช่น จอ AMOLED ของ ซัมซุง
                  - ขณะนี้ SAMSUNG ได้เปิดตัว จอ Super AMOLED ออกมา ซึ่งมีความสว่างกว่า จอ AMOLED ธรรมดาถึง 5 เท่า สู้แดดได้ดีกว่า 20 % มีใช้ในรุ่น S8500 WAVE และ i8520 Halo
           4. วัสดุหน้าจอ
                  - ในรุ่นแพง ๆ จะใช้กระจกแบบ Tempered Glass ซึ่ง ทนทานและป้องกันการขีดข่วน
                  - ในรุ่นถูกๆ จะเป็นกลุ่ม Capacitive ที่ใช้กระจกพลาสติก

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อ มือถือ Touch Screen

           1. งบประมาณ
                  - ต้องเหมาะสมและยืดหยุ่น (ต้องดูเงินในกระเป๋า)
           2. ประโชชน์ใช้สอย
                  - ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราจำเป็นต้องใช้ฟังก์ชั่นอะไรบ้างจากมือถือเครื่องใหม่ เช่น กล้องชัด ความจุเยอะ ลงโปรแกรมเพิ่มได้ เป็นต้น บางครั้งฟังก์ชั่นมาก แต่เราไม่ได้ใช้ ก็จะทำให้ราคาสูงเกินไป เพราะ ฟังก์ชั่นยิ่งมาก ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นด้วย
           3. เชื่อมต่อได้รวดเร็ว
                  - ระบบ Wi - Fi เชื่อมต่อได้ตรงใจเราแค่ไหน ยิ่งมีปุ่มลัดให้ยิ่งดี
           4. ดีไซน์เลือกให้เหมาะ
                  - ใช้คล่องมือ ไม่หนัก
           5. หน้าจอต้องกว้าง
                  - จอกว้าง การสัมผัสจะสะดวกขึ้น
           6. หากชอบการส่งข้อความ
                  - ให้ใช้รุ่นที่มีแป้นพิมพ์ใหญ่ แต่ถ้าชอบใช้ปากกา Stylus ก็ไม่จำเป็น
           7. ทดลองใช้งานจริง
                  - ควรทดลองใช้จริงในรุ่นที่สนใจ ก่อนซื้อ เพื่อดูการตอบสนอง เวลาสัมผัสหน้าจอหน่วงเวลาหรือไม่  ต้องใช้แรงกดมากแค่ไหน เป็นต้น

การบำรุงรักษาหน้าจอมือถือ Touch Screen ทำอย่างไร

           โทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์เราเสียแล้ว ฉะนั้นอย่าใช้เป็นอย่างเดียว ต้องบำรุงรักษาด้วย โดยเฉพาะรุ่นปัจจุบันที่เป็นระบบ Touch Screen  มีวิธีรักษาหน้าจอง่าย ๆ ดังนี้

            1. ติดแผ่นกันรอยถลอก เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน แรงกด สิ่งสกปรก และความชื้น
            2. ใช้ผ้าเช็ดแว่น หรือผ้าที่ไม่มีขน เช็ดทำความสะอาดหน้าจอ
            3. หากจำเป็นต้องใช้น้ำยา ให้ใช้น้ำยาสำหรับเช็ดหน้าจอ ทัชสกรีนด์ เท่านั้น ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์
            4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการตก หรือกระแทก ควรใส่ซอง ปลอก สายคล้องคอ หรือกรอบหุ้มซิลิโคน เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการตก
            5. ไม่ควรวางเครื่องไว้ในที่อุณหภูมิสูง เช่น รถยนต์ แสงแดด เป็นต้น
            6. หากโดนน้ำ ห้ามใช้ไดว์เป่าผมเป่าเด็ดขาด  ควรดำเนินการเช็ดตามข้อ 2

ขอบคุณครับ

การเลือกซื้อ TV ความคมชัดสูง ต้องพิจารณาอะไร

           ในอนาคตทีวี จะมีความคมชัดสูง มีระบบที่จะรองรองรับเครื่องเล่น ที่สนับสนุนความบันเทิงที่แข่งขันกันมากมาย หากต้องเปลี่ยน ทีวีใหม่ ขอให้เลือกซื้อเผื่ออนาคตไว้ด้วย จะได้ไม่ปวดหัวที่หลัง
โดยมีวิธีการดูหรือเลือกซื้อดังนี้

          1. ต้องสามารถแสดงภาพในแบบ ฟูลเอชดี (Full - HD)
          2. ต้องมีช่องรับสัญญาณ HDMI (High Definition Multimedia Interface) เวอร์ชั่น 1.3 ขึ้นไป
อย่างน้อย 1 ช่องอินพุท และมีช่องเอาท์พุท ประกอบด้วย STB/PVR ในส่วนหนึ่งของเอาท์พุท HDMI
          3. ต้องมีความสามารถถอดรหัส MHEG - 5
          4. สามารถแสดงผล 24p แบบเดียวกับระบบของบลูเรย์
          5. เครื่องส่งโทรทัศน์ ต้องส่งสัญญาณ DVB-S2 เพื่อสนองตอบการรับจากโทรทัศน์ Full HD

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

ตัวนำยิ่งยวด (Super Conductor) คืออะไร




          ตัวนำยิ่งยวด คือสารที่สามารนำกระแสไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้ โดยไม่มีการต้านทานเลย เรียกว่า "ความต้านทานเป็นศูนย์"  ปกติตัวนำไฟฟ้าที่เราใช้กันจะใช้ ลวดทองแดง อลูมิเนียม เงิน ที่มีอยู่ในสายไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งโลหะตัวนำไฟฟ้าดังกล่าวนี้ แม้ว่าจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี แต่ก็ยังมีความต้านทานอยู่ในตัวเองความต้านทานนี้จะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสูญหายหรือสูญเสียไปบางส่วน โดยจะสูญเสียในรูปของความร้อน      ดังนั้นถ้าหากสายไฟมีขนาดยาว กำลังไฟก็จะตก ที่เรียกว่า "แรงดันไฟฟ้าตก"นั่นเอง  คุณสมบัตินี้จะไม่เกิดขึ้นกับตัวนำยิ่งยวด กล่าวคือ ตัวนำยิ่งยวด มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ สารพวกนี้จะผลักสนามแม่เหล็ก เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า "ไมซ์สเนอร์เอฟเฟค" (Meisser effect)


            ตัวนำยิ่งยวด ค้นพบโดย นักฟิสิกส์ชื่อ Onnens ในปี 1991 เขาได้ทดลองวัดความต้านทานทางไฟฟ้าของปรอท และพบว่า เมื่อปรอทเย็นลงจนมีอุณหภูมิประมาณ 4.2 องษาเคลวิน (K) หรือที่ -269 องศาเซลเซียส ความต้านทานทางไฟฟ้าของปรอท จะหมดไป กลายเป็นตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด

            นับจากนั้นมา นักวิทยาศาสตร์ ก็ได้คิดค้นวิจัยมาเรื่อย ๆ จนพบว่า มีโลหะอีกหลายชนิดมีสภาพเป็นตัวนำยิ่งยวดได้ เมื่อทำให้เย็นตัวลง จนถึงอุณหภูมิหนึ่งหรือต่ำกว่านั้น   อุณหภูมิสูงสุดที่โลหะยังคงมีสภาพเป็นตัวนำยิ่งยวด อยู่ได้คือประมาณ 20 องศาเคลวิน ซึ่งก็ยังต่ำมาก
            นักวิทยาศาสตร์พยายามอย่างยิ่งที่จะค้นหาตัวนำยิ่งยวดที่อุณหภูมิสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ประมาณ 300 องศาเคลวิน   ปัจจุบันสามารถค้นพบตัวนำยิ่งยวดไดที่ อุณหภูมิ 98 องศาเคลวิน จากอ๊อกไซด์ของโลหะที่เรียกว่า "เซรามิก"  เช่น อ๊อกไซด์ของ Strontium, Uttrium เป็นต้น  ที่อุณหภูมิ 98 องศาเคลวิน สามารถควบคุมได้โดยใช้ไนโตรเจนเหลวซึ่งมีราคาถูก การประยุกต์ใช้งานโดยทั่วไปอยู่บนพื้นฐานที่ว่า "ตัวนำยิ่งยวด ไม่มีความต้านทานทางไฟฟ้าและมีแรงผลักกับแม่เหล็ก"  จากคุณสมบัติอันโดดเด่นนี้ต่อไปเราจะเห็นรถไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ในเมืองใหญ่เคลื่อนที่ลอยอยู่บนเหนือรางบนสนามแม่เหล็ก  จะเห็นมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเล็กลง แต่มีกำลังเท่ากับเครื่องยนต์หลายแรงม้า  จะเห็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ กินไฟน้อย แต่ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเดิม  คอมพิวเตอร์ก็มีขนาดเล็กลงแต่ประมวลผลได้เร็วมากขึ้น  และที่สำคัญที่อยากเห็น คือ สายส่งไฟฟ้าที่ระโยงระยางตามท้องถนน ก็ไม่ต้องใช้สายขนาดใหญ่และมีหม้อแปลงไฟฟ้าให้รกลูกตาอีกต่อไป

ขอบคุณข้อมูลความรู้จาก  อำนาจ  เจริญศิลป์   วิทยาศาสตร์แสนเพลิน  กรุงเทพฯ : 2548